วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

練 8 習 B

練習 B

1.
1.1 サントスさんは げんきです。
1.2 カリナさんは きれいです。
1.3 ふじさんは 高いです。
1.4 8月は 暑い(あつい)です。

2.
2.1 イーさんは いまじゃ ありません。
2.2 ワンさんの へやは きれいじゃ ありません。
2.3 ミラーさんは いぞがしくないです。
2.4 日本語は やさしくないです。

4.1 会社の りょうは どうですか。
ふるいですが、きれいです。
4.2 会社の 人は どうですか。
しんせつです。ぞして、おもしろいです。
4.3 日本の たべものは どうですか。
おいしいですが、高いです。
4.4 仕事は(しごと) どうですか。
いぞがしいですが、おもしろいです。

5.
5.1 埋めたいな ぎゅうにゅうを のみました。
5.2 あたらしい ビヂオを かりました。
5.3 してきな プレセントを もらいました。
5.4 うめいな きのうのばん レストランで 食べました。

6.
6.1 七人の さむらいは どんな 映画(えいが)ですか。
おもしろい 映画です。
6.2 サントスさんは どんな 人ですか。
しんせつな ひとです。
6.3 IMCは どんな 会社ですか。
新しい(あたらしい) 会社です。
6.4 スイスは どんな 国ですか。
きれいな 国です。

7.
7.1 IMCは おおきい 会社ですか。
いいえ、おおきくないです。
7.2 ワットさんは いい 先生ですか。
はい、いい 先生です。
7.3 さくら大学は うめいな 大学ですか。
いいえ、 あまり うめいな 大学じゃ ありません。
7.4 ふじ山は きれいな 山ですか。
はい、とても きれいです。

วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554

きょうは なんようび ですか。 # 2

  มู้ก่อนนั้น เขียนเกี่ยวกับระบบวันไปแล้ว มู๊นี้มาดูกันต่อว่าเกี่ยวกับวัน มีอะไรบ้าง  แต่ก่อนอื่นมาดูกันก่อนว่า ช่วงเวลาในแต่ละวัน วันนี้ วันก่อนหน้านี้ และวันถัดจากนี้ในภาษาญี่ปุ่นนั้น พูดว่าอย่างไรบ้าง
เมื่อวานซืน            = おととい 
เมื่อวาน       = きのう
วันนี้         = きょう
วันพรุ่งนี้       = あした
มะรืนนี้        = あさって
ตอนเช้า       = あさ
ตอนกลางวัน    = ひる
ตอนเย็น,กลางคืน = ばん (よる)
เมื่อเช้า       = けさ
ตอนเย็น,คืนนี้   = こんばん
ทุก ๆ เช้า      = まいあさ
ทุก ๆ คืน      = まいばん
ทุก ๆ วัน      = まいにち

 ตัวอย่างการถามตอบเกี่ยวกับวัน

A : きょうは なんようび ですか。  วันนี้เป็นวันอะไร
B : にちようび です。 วันอาทิตย์

 ถ้าจะถามถึงเช้าเมื่อวาน, เช้าวันพรุ่งนี้, กลางคืนเมื่อวันก่อน นั้น ตรงนี้สามารถจำได้ง่าย ๆ เลยว่า นอกจาก けさ、 กับ こんばん แล้ว ที่เหลือให้ใช้ の เชื่อมทั้งหมด  เช่น

ตอนเช้าเมื่อวาน       = きのうのあさ = 昨日の朝
ตอนกลางวันเมื่อวาน = きのうのひる = 昨日の昼
ตอนเย็นเมื่อวาน   = きのうのこんばん = 昨日の今晩
ตอนกลางคืนเมื่อวาน = きのうのよる = 昨日の夜

วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2554

なんようび ですか。 วันอะไร

เรื่อง วันนี้ไม่รู้ว่าความเป็นมายังไง  วันในภาษาไทยนั้น ยกระบบจักรวาลมาเกือบครบเลยเชียว แอบนึกว่า ถ้ามีวันมากกว่านี้ ก็คงจะมี วันพลูโต วันหาง หรือ...............   ส่วนวันในภาษาญี่ปุ่นนั้น ความหมายไม่ได้เป็นกลุ่มก้อนกันเลย 

日曜日 = にちようび = วันอาทิตย์ = にち  = 日 = พระอาทิตย์
月曜日 = げつよび  = วันจันทร์  = げつ  = 月 = พระจันทร์ 
火曜日 = かようび  = วันอังคาร   = か   = 火 = ไฟ
水曜日 = すいようび = วันพุธ      = すい = 水 = น้ำ
木曜日 = もくようび = วันพฤหัสบดี = もく = 木 = ต้นไม้
金曜日 = きんようび = วันศุกร์     = きん = 金 = ทอง
土曜日 = どようび  = วันเสาร์     = ど = 土 = ดิน
何曜日 = なんようび = วันอะไร     = なん = 何 = อะไร
และวันหยุดนั้นคือ  やすみ

 ดูสิครับ ความหมายของเขาแต่ละวัน คนละเรื่องกันเลย  ออกแนวขัดแย้ง เช่น ไฟ กับ น้ำ, ดิน กับ ทอง

   รวม 7 วัน คือ1สัปดาห์ หรือ しゅう(週) 
  สัปดาห์นี้     = こんしゅう = 今週
  สัปดาห์หน้า = らいしゅう = 来週
  สัปดาห์ที่แล้ว = せんしゅう = 先週
  หนึ่งสัปดาห์  = いちしゅうかん = 一週間
 สองสัปดาห์ = にしゅうかん = 二週間
 สามสัปดาห์ = さんしゅうかん = 三週間
สี่ ห้า หก เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนพอใจ
 


วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

นับหนึ่งถึงล้าน

ในการนับเลขนั้นก็เหมือนกับภาษาไทยเรา และยังมีการออกเสียงพิเศษ ๆ เหมือนกันอีกด้วย มานับกัน เลย เริ่มที่หลักหน่วยก่อน

0     せろ 
1     いち         
2     に
3     さん
4     よん、し 
5     ご
6     ろく
7     なな、しち 
8     はち
9     きゅう、く
10    じゅう  

นั่นคือ 1-10 ต่อจากนี้ไปก็จะเป็นการผสมตัวเลขเพื่อให้เกิดเป็น 11 12 13...... อ่านว่า สิบหนึ่ง สิบสอง สิบสาม...... ไปเรื่อย ๆ ไม่มีสิ้นสุดมาดูการอ่านตัวเลขหลักสิบต่อไปดีกว่า

11     じゅういち
12     じゅうに
13     じゅうさん

นับแบบนี้ไปเรื่อย ๆ 14 15 16.。。。จนถึง 20 ก็คือ ยี่สิบตามคำอ่านบ้านเรา ซึ่งที่จริงแล้วควรจะเป็น สองสิบ เพราะฉนั้นเมื่อตัวเลขผสมกันในหลักสิบแล้วก็อ่านเรียงตัวเหมือนตัวเลขไทย มาอ่านกันเลย
20 = にじゅう、 21 = にじゅういち、 22 = にじゅうに、 23 = にじゅうさん、。。。。。
30 = さんじゅう、 31 = さんじゅういち、 32 = さんじゅうに、 33 = さんじゅうさん。。
40 = よんじゅう、 32 = よんじゅういち、 42 = よんじゅうに、 43 = よんじゅうさん。。

ไปเรื่อย ๆ จนถึง 99 หรือ きゅうじゅうきゅう 

ส่วนในหลักร้อย นั้น ออกเสียงว่า ひゃく แปลว่า ร้อย หรือ หนึ่งร้อย  แต่ว่าจะพิเศษหน่อยตรง 300、600、 และ 800 นั้น เสียงจะเพี้ยนไปนิดหน่อย ต้องจำ ต้องจำ ต้องจำ และต้องจำ

100 = ひゃく      111 = ひゃくじゅういち 
200 = にひゃく     222 = にひゃくにじゅうに
300 = さんびゃく    333 = さんびゃくさんじゅうさん
400 = よんひゃく    444 = よんひゃくよんじゅうよん
500 = ごひゃく     555 = ごひゃくごじゅうご
600 = ろっぴゃく    666 = ろっぴゃくろくじゅうろく
700 = ななひゃく    777 = ななひゃくななじゅうなな
800 = はっぴゃく    888 = はっぴゃくはちじゅうはち
900 = きゅうひゃく    999 = きゅうひゃくきゅうじゅうきゅう

 ต่อไปก็เป็นหลักพัน 1000 อ่านว่า せん ส่วน 3000、6000 และ 8000 เสียงจะเพี้ยนไปนิดหน่อย ต้องจำเอาเหมือนกัน

1000 = せん     1111 = せんひゃくじゅういち、  {千百十一}
2000 = にせん    2222 = にせんにひゃくにじゅうに、  {二千二百二十二}
3000 = さんぜん   3333 = さんぜんさんびゃくさんじゅうさん、 {三千三百三十三} อ่านว่า ซางเซ็น เพราะว่ามีการเติม ten ten ทำเสียงเซ็นให้อืน ๆ หน่อย
4000 = よんせん   4444 = よんせんよんひゃくよんじゅうよん、{ 四千四百四十四}
5000 = ごせん    5555 = ごせんごひゃくごじゅうご、 {五千五百五十五}
6000 = ろくせん   6666 = ろくせんろくぴゃくろくじゅうろく、 {六千六百六十六} อ่านว่า หรกเซ็น
7000 = ななせん  7777 = ななせんななひゃくななじゅうなな、 {七千七百七十七}
8000 = はっせん  8888 = はっはっぴゃくはちじゅうはち、 {八千八百 八十八} อ่านว่า หัสเซ็น
9000 = きゅうせん 9999 = きゅうせんきゅうひゃくきゅうじゅうきゅう {九千九百九十九}  

และ 10000 อ่านว่า いちまん
ในภาษาญี่ปุ่นจะนับถึงแค่หลักหมื่น ส่วนหลักแสนจะใช้คำว่า สิบหมื่น และในหลักล้านจะใช้คำว่า หนึ่งร้อยหมื่น และใช้คำว่า หนึ่งพันหมื่น แทน สิบล้าน ส่วนหนึ่งร้อยล้านจะใช้คำว่า いちおく

10,000      = いちまん   一万
100,000     = じゅうまん  十万
1,000,000   = ひゃくまん  百万
10,000,000  = せんまん   千万
100,000,000 = いちおく    一億

ここ そこ あそこ どこ 、 こちら そちら あちら どちら

ここ、 そこ、 あそこ、 どこ  เป็นการบ่งบอกสถานที่ แปลว่า ที่นี่ ที่นั่น และที่โน่น ตามลำดับ 
ส่วน どこ นั้นแปลว่า ที่ใหน  ตัวอย่าง เช่น

ここは がくこうです。 ที่นี่เป็นคือโรงเรียน

おてあらいは そこです。ที่นั่นเป็นห้องน้ำ

あそこはどこですかที่โน่นคือที่ใหน


こちら そちら あちら どちら เป็นการบอกทิศทาง แปลว่า ทางนี้ ทางนั้น และทางโน้น ตามลำดับ ส่วน どちら นั้นแปลว่า ทางใหน ตัวอย่างเช่น

でんわは こちらです。โทรศัพท์อยู่ทางนี้

たばこは そちらです。บุหรี่อยู่ทางนั้น

エレベーターは あちらです。ลิฟต์อยู่ทางโน้น

しょくどうは どちらですか。 โรงอาหารอยู่ทางใหน
ในบางครั้ง おこ、 どちら ยังแปลว่า อะไรได้ด้วย ในกรณีที่ถามถึงสถานที่ที่สังกัด เช่น


かいしゃは どちらですか。 อยู่บริษัทอะไร
だいだくは どこですか。อยู่มหาวิทยาลัยอะไร

*ในการถามเกี่ยวกับสังกัดมักนิยมใช้ どちら เพราะมีความสุภาพมากกว่า




วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554

これ それ あれ 、 この その あの นี่ นั่น โน่น

 これ それ あれ 、แปลว่า นี่ นั่น โน่น ตามลำดัน ส่วน この その あの  ก็แปลว่า นี่ นั่น โน่น ตามลำดับเหมือนกัน
แล้วจะมีทำไมตั้งสองคำ ถ้ามันแปลเหมือนกัน
ก็ใช่ แต่มันใช้งานต่างกันครับ  これ それ あれ จะใช้บอกว่าเป็น นี่ นั่น โน่น ได้เลย
เช่น
これ かばんです。นี่คือหนังสือครับ
それ くるまですか。นั่นเป็นรถยนต์ไช่ใหมครับ
あれいぬですか、ねこですか。โน่นเป็นสุนัขหรือแมวครับ
ส่วนการใช้ この その あの ต้องมีคำนามตามด้วยเสมอ
เช่น
この ほんは だれのですか。หนังสือเล่มนี่เป็นของใครครับ
そのでんしゃは わたしのです。รถไฟฟ้าคันนั้นเป็นของผมครับ
あのかたは どなたですか。 คุณคนโน้นเป็นใคร


อืม ประมาณนี้แหละ

วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ฝึกถ่ายมาโคร

คิดเอาว่าช้านอาจารย์นั้นจะต้องมีแมลงที่ไม่เหมือนกับบ้านเราแน่ เลยซ้อมมือก่อนลงสนามจริง
วันก่อนได้พัสดุจากแดนไกล ข้ามน้ำข้ามทะเลมาอยู่ในมือเรา เปิดดูนึกว่าผงแอนแทรกซ์ ที่ใหนได้ เป็นตัวขยาย 2x ที่เราซื้อนั่นเอง
ลองก่อน  ปรากฏว่าใช้งานยากพอควร ด้วยที่ว่า 2x ทำให้ค่าแสงผ่านต้องคูณอีก 2 เท่า มืดเลยทีนี้ วันนี้ได้แค่นี้ก่อน

วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เตรียมร่างกายให้พร้อม

      แน่นอนครับ การเดินทางที่แสนจะไกลจากที่เราอยู่นั้น ทั้งยังแตกต่างกันเป็นอย่างมากในเรื่องสภาพแวดล้อม สภาพอากาศ  เพราะฉะนั้น  เรื่องพละกำลัง และความสมบูรณ์พร้อมของร่างกายเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะทำให้เป้าหมายเมกะโปรเจคกราบแทบตักครูบาอาจารย์ของเรา ประสมผลสำเร็จตามที่ตั้งใจเอาไว้

    วันนี้เริ่มต้นเตรียมความพร้อมทางร่างกาย ด้วยการไปวิ่งที่สวนสาธารณะ ในหมู่บ้าน หลังจากที่เมื่อบ่าย ๆ  วันนี้ไปซื้อรองเท้าสำหรับวิ่งมาแล้ว  เริ่มจาก วิ่งเหยาะ ๆ แล้ว ค่อย ๆ เร็วขึ้นเรื่อย ๆ เร็วขึ้นเรื่อย ๆ หะหะหะหะ   ไม่ไช่ผมหรอกครับ แต่เป็นเด็ก ๆ ต่างหาก ที่วิ่งแซงน็อครอบผมไปแล้ว
     ผมวิ่งได้ประมาณ 5 รอบก็รู้ศึกว่าเหนื่อยมากแล้วหละครับ เลยเปลี่ยนเป็นเดินอีกรอบหนึ่ง แค่นั้น น่าจะเป็นการปฐมฤกษ์ที่ดีสำหรับการเตรียมความพร้อมทางร่างกาย พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่

วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ข้อที่ 2   も 、 の   โม๊ะ และ โน๊ะ

も แปลว่า ด้วย,ก็

จะใช้บอกว่า อะไรๆ......................ด้วย

เช่น

A : わたしは タイじん です。  ฉันเป็นคนไทย
B : わたちも タイじん です     ฉันก็เป็นคนไทย

หรือ
A : まりさんは 日本から きました。มาริมาจากญี่ปุ่น
B : まさこさん 日本から きました。มาซาโกะก็มาจากญี่ปุ่นด้วยเหมือนกัน

ส่วน の ใช้บอกว่า ไอ้นี่เป็นของไอ้นั่น, ไอ้นั่นเป็นของฉัน, ไอ้นั้นเป็นของคุณคนนี้

เช่น เมื่อมีคนถามว่าอันนี้เป็นของไคร และเราจะบอกว่าเป็นของเรา

A : これ かばんは だれの ですか。 กระเป๋าอันนี้ของไครค่า
B : わたしの です。 ของผมครับ

ในที่นี้ใช้แทนกระเป๋า แทนที่จะบอกว่า"กระเป๋าอันนั้นเป็นของผมครับ" ก็บอกแค่เพียง "ของผมครับ"

หรือ
この くるまは TOYOTAの しゃいんです。รถยนต์คันนั้นเป็นของบริษัทโตโยต้า

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ว่าด้วยตัวเรา

ชีวิตหนึ่ง จะทำอะไรได้สำเร็จเหมือนคนอื่นบ้างได้หรือ
ชีวิตหนึ่ง จะสามารถเดินเฉิดฉายเหมือนคนอื่นบ้างได้หรือ

ชีวิตหนึ่ง พอใจแล้วหรือกับปัจจุบัน

ที่ผ่านมา นึกไม่ออกเลยว่ามีสิ่งใหนที่น่าภูมิใจในตัวเองบ้าง

ที่ผ่านมา นึกไม่ออกเลยว่าสิ่งใหนที่ทำรู้สึกดีใจบ้าง

มีชีวิตที่อับเฉาไปวัน ๆ

ตอนเด็ก ๆ ไคร ๆ ก็ถามกันว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร

ป่านนี้จนโตก็ยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้

ตอนเด็กเล่นดนตรี ตัวโน็ตสักตัวเดียวก็อ่านไม่เป็น

ตีระนาด เป่าบารีโทน ก็สักแต่ว่าดัง

โดนไล่ออกจากหอพัก ตอนเรียนมหาวิทยาลัย

ตอนทำงานก็ตักหมึก จนมีอแตก.  ไม่พอ.

ตักหมึกจนโรงงานเจ๊ง

ทุกวันนี้ทำอะไร


วันพรุ่งนี้ทำอะไร


วันต่อๆไปทำอะไร

วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ฉันรักประเทศไทย # 3

      บ่ายวันอาทิตย์วันหนึ่งนั้น ฉันขับรถไปแถว ๆ สุขุมวิท ฉันจำเป็นต้องจอดรถริมฟุตบาท เพื่อที่จะไปซื้อหนังสือ ฉันทราบดีว่าถนนเส้นนี้การจราจรคับคั่งเพียงใด ฉันจึงพยายามหาริมฟุตบาทบริเวณที่ปราศจากการเปื้อนสี เหลือง แดง แล้วค่อย ๆ เทียบสองล้อเข้าชิดขอบฟุตบาท ขอย้ำ ชิดขอบ พร้อมกับเปิดไฟฉุกเฉิน ติ๊บ ติ๊บ ๆ ๆ ๆ เอาไว้เพื่อบอกว่า  ขอจอดสักพักเท่านั้น    ไม่ทันไรเลย ผู้รักษากฏหมายก็ควบสองล้อจากภาษีประชาชน มาบีบแตร พร้อมกับตะโกนโหวกเหวก หาเจ้าของรถ ร่ำ ๆ จะแจกใบสั่งท่าเดียว ใหนจะบอกว่า จอดอย่างนี้ได้ยังไง ดูสิ รถติดยาวเป็นขบวน, ฉันจำต้องรีบออกจากร้านทั้งที่ยังเดินไม่ทั่วร้านด้วยซ้ำไป หนังสือก็ยังไม่ได้สักเล่ม
     หากจะเอาเข้าจริง ฉันก็ไม่ทราบหรอกว่า ถนนเส้นนี้เขาห้ามจอดตลอดแนว ฉันเข้าใจแต่ว่าห้ามจอดริมฟุตบาทที่มีสีแดงทาเอาไว้ ที่ทาสีเหลืองเขาให้จอดได้ชั่วคราว ส่วนที่ไม่ได้ทาสีเอาไว้ ก็ไม่เห็นว่าจะมีข้อห้ามอะไร หนำซ้ำ ช่วงบ่ายวันอาทิตย์วันนั้นบนถนนสุขุมวิทขาออกปริมาณรถก็ไม่ได้มากมายแต่อย่างใด     แล้วจะเป็นไรไปที่ฉันจะเสียมารยาทจอดรถริมฟุตบาท
      กระนั้นก็เหอะ ฉันก็ไม่ได้โดนปรับค่าจอดรถในที่ไม่ได้ห้ามจอด (หรือเปล่า) นอกจากความอาการที่แสดงออกมาอย่าวว่าฉันผิดราวกับนักโทษประหาร

    แล้วเป็นอย่างไรเล่า  

   วันนี้ฉันไปทำธุระที่นี่ ในขณะที่ฉันกำลังจะข้ามไปฝั่งร้านขายของตกแต่งบ้าน ฉันก็เห็นรถคันคุ้นตาจากภาษีประชาชนขับสวนกับฉันบนทางเดินเท้าและคลานไปจอดสนิท แต๊ต ๆ ๆ ๆ ๆ  ท่ามกลางสายตาประชาชนนับหลายสิบคู่ รวมไปถึงนายฮ้อยหน้าห้างผู้คอยอำนวยความสะดวกโบกรถหยอย ๆ รักษากฏจราจรให้กับผู้ที่มาช่วยกันจ่ายเงินเดือนให้พวกเขา  
   จะทำอย่างไรเล่า หากมีบางคนที่เกรียนกว่าฉัน ขับรถมาจอดเทียบข้างกัน นายฮ้อยหน้าห้างจะทำได้อย่างไรเล่าหากมาไล่เกรียนไม่ให้จอดรถตรงนี้ แล้วนายฮ้อยจะทำอย่างไรเล่าถ้าเกรียนจะเถียงว่า ทีรถคันนี้ยังจอดได้แล้วทำไมเกรียนจะจอดไม่ได้ แล้วผู้ที่ขับขี่รถจากภาษีประชาชนจะบอกเกรียนว่าอย่างไรเล่า

   แล้วทุกวันนี้หละเป็นอย่างไรเล่า  เมื่อเราเป็นซะเอง จะว่าอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่แน่ใจ (แต่ฉันคิดว่าไม่นะ) แล้วทำไมครับ ทำไมไม่จอดในที่ ๆ เขาจัดเอาไว้หละครับ แล้วทำไมครับ ทำไมไม่ทำเหมือนคนอื่น ๆ เขา แล้วทำไมครับ แล้วทำไม ทำไม  ,,,,,,,,,,,    ในเมื่อคุณเป็นก็ผู้มีอำนาจบอกคนอื่นได้ หากแค่จะช่วยเป็นแบบอย่างที่ดีให้เรา ๆ ได้ดูเป็นตัวอย่างคงจะชื่นใจไม่ใช่น้อยนะครับ
 
นี่เป็นเพียงมุมที่ฉันเห็นเท่านั้นฉันเขียนจากความรู้ศึกล้วน ๆ แถมยังใส่ไข่ไปอีกหลายใบ ใข่เน่า ๆ จากสมองของฉันที่ไม่ค่อยจะพัฒนา ทำให้ฉันยึดติดกับสิ่งเหล่านี้  



ฉันอยากจะเกรียนพอที่จะโวยวายกับเรื่องนี้ และฉันก็ได้แค่พูดเบา ๆ ว่า ทำไมไม่จอดในที่เขาให้จอด หลังจากฉันเดินผ่านไปแล้ว สามเมตร  
  


   

วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ข้อที่ 1 です、 じゃ ありません、 ですか

คำนาม1 は คำนาม2 です。 อะไร ๆ ก็เป็น   เช่น ผมเป็น..... คุณเป็น...... เขาเป็น...... 


1. は มันจะบอกว่าอะไร ๆ ที่อยู่ข้างหน้ามันเป็นหัวข้อเรื่องนั่นเอง 
2. です ประมาณว่าอะไร ๆ ที่อยู่ข้างหน้ามัน ก็ต้องเป็นไปตามนั้น.   เอออ   ก็ใช่ 

      ตัวอย่าง  わたしは ヨンユト です。  = ผมเป็นยงยุทธครับ หรือ ผม ยงยุทธ ครับ
                     わたしは タイじん です。   = ผมเป็นคนไทย 
                     わたしは がくせい です。  = ผมเป็นนักเรียน
                      たくしんさんは いしゃ です。= คุณทักษินเป็นหมอ 

       แต่ถ้าจะบอกว่าเราไม่ได้เป็นไอ้นั่น ไอ้นู่น ไอนี่ (รูปปฏิเสธ) นั้นก็แค่เปลี่ยนจาก です。ไปเป็น じゃ ありません。 ซึ่งจะทำให้  อะไร ๆ ก็จะไม่เป็น   เช่น ผมไม่ได้เป็น..... คุณไม่ได้เป็น......     เขาไม่ได้เป็น......

                  わたしは がくせい じゃ ありません。  = ผมไม่ได้เป็นนักเรียน             
                  たくしんさんは いしゃ じゃ ありあせん。= คุณทักษินไม่ได้เป็นหมอ

             
                 แต่....... อย่าเอามาใช้เมื่ออยากจะบอกว่า

                 わたしは ヨンユト じゃ ありません。  = ผมไม่ได้เป็นยงยุทธครับ
                 わたしは タイじん じゃ ありません。   = ผมไม่ได้เป็นคนไทย 

 ทำไมนะเหรอ   ลองคุณเป็นคนไทย แล้วบอกว่าไม่ได้เป็นคนไทยดูสิ   ฮ่า ฮ๋า ฮ๋า




3.  ですか ตัวสุดท้าย คือการเติม か หลัง です ซึ่งจะทำให้ประโยคเปลี่ยนไปเป็น ประโยคคำถาม  เป็นไอ้นี่......ไช่ใหม  ไอ้นั่น......ไช่ใหม     ไอ้โน่น..........ไช่ใหม   ส่วนผู้ตอบ ก็ตอบว่า ไช่/ไม่ไช่    แค่นี่เองครับ  ง่ายนิดเดียว

มาดูตัวอย่างครับ

        ถาม             たくしんさんは いしゃ ですか。     = คุณทักษินเป็นหมอไช่ใหม?
        ตอบ  ไช่      はい。いしゃ です。          = ไช่ครับ เป็นหมอครับ
        ตอบ ไม่ไช่    いいえ、いしゃじゃ ありません 。    = ไม่ไช่ครับ ไม่ได้เป็นหมอครับ


         

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ฉันรักประเทศไทย # 2

    วันนี้ฉันพาพี่คนหนึ่งไปทำเรื่องโอนรถที่ขนส่งบางขุนเทียน ฉันแปลกใจมากที่มีผู้มาใช้บริการมากมายขนาดนี้   คาดเดาคร่าว ๆ จากสายตา น่าจะเกิน 2000 คน  ฉันจึงได้ส่งพี่คนนั้นแค่ประตูทางเข้าเท่านั้นเอง
   ฉันขับรถต่อไปประมาณ 20 เมตร ก็สะดุดกับป้ายวัดหัวกระบือ ฉันหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปตามถนนเล็ก ๆ ที่กำลังสร้าง ด้วยความขรุขระของถถน ทำให้ฉันต้องคลาน แล้วก็คลานไปเรื่อย ๆ รถก็โยกไป เยกมา ตามจังหวะหลุมจนฉันแทบจะรากแตกทีเดียว
    เมื่อมาถึงวัดหัวกระบือ ฉันก็พบกับกอง หัวกระบือ กองมหึมา  ฉันไม่กล้าไปถามไคร ๆ หรอกว่าหัวกระบือเหล่านี้มาจากใหน  นอกจากหัวกระบือแล้ว ที่วัดนี้ก็น่าจะเป็นสถานที่ผูคนนิยมมาสะเดาะเคราะห์ เพราะเห็นมี..... เขาเรียกว่าอะไรหละ .....   เอาเป็น...ฉันเรียกสิ่งเหล่านั้นว่า  "สิ่งที่ใช้ในการสะเดาะเคราะห์ เสริมดวงชะตาบารมี แก้ปีชง"  ..... ประมาณนี้แหละครับ หากใครตองการทำสิ่งเหล่านี้ก็มาที่วัดนี้ได้นะครับ
   ฉันนึกออกว่าอยากจะซื้อเกลือทะเลไปใช้ในที่ทำงานหักหน่อย ฉันจึงมุ่งหน้าไปทางสมุทรสงคราม ที่ฉันเคยผ่านไปบ่อย ๆ แถว ๆ บ้านนาโคก แถว ๆ นั้นจะมีร้านขายเกลือทะเลอยู่ข้างทางเยอะมาก ๆ    ฉันมาถึงแล้ว และฉันขับชลอ ๆ ดูร้านขายเกลือไปเรื่อย แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกร้านใหน ใช่ครับ มันเยอะมากจริง ๆ จนฉันต้องตัวสินใจเลือก.....  เอาวะ ร้านนี้หละกัน .....

  เจ้าของร้านรีบออกมาต้อนรับด้วยท่าทางเป็นมิตร

  ฉัน           : เกลือพวกนี้ขายยังไงครับ ฉันชี้ไปที่ถุงเกลือขนาดประมาณ 5-6 กิโล
  เจ้าของร้าน : ถุงละ 50 บาทครับ
 ฉัน            :  อืมมมมมม   ฉัดกำลังคิดว่าจะต้องซื้อเกลือมากมายแค่ใหน
 เจ้าของร้าน  : ถ้าซื้อเยอะ เอาเป็นกระสอบดีใหมครับ ถูกกว่า โลละบาท
 ฉัน            :  เอ๊ะ ๆ        
 เจ้าของร้าน  :    ถ้าซื้อแบบแบ่งขาย จะกิโลละ 8 บาท ถ้าเอาเป็นกระสอบจะกิโลละ 7 บาท   กระสอบละ 180 บาท ครับ


  คิดในใจ..  กิโลละ 7 บาท ถ้า กระสอบละ 180 บาท จะมีกี่กิโลแน่ นะ มันหารไม่ลงตัวนี่หว่า เอาวะ

ฉัน             : ถ้าซื้อ 2 ถุงลดได้ใหมครับ
เจ้าของร้าน   : ซื้อสองถุงลดไม่ได้ครับ แต่ถ้าซื้อสามถุงขึ้นไป ลดได้ครับ
ฉัน             : อ้าวววว  เหรอครับ งั้น เอาสองถุงก็พอครับ

    เจ้าของร้านยกไปใส่หลังรถให้ฉัน สองกระสอบตามที่ฉันต้องการ พร้อมกับถือเกลือถุงเล็กขนาดประมาณ 2 กิโล มาให้ฉันพร้อมกับบอกว่า
    "ถุงนี้ผมแถมให้ เห็นน้องไม่ต่อพี่เลยแถมให้ "  เจ้าของร้านยังบอกอีกว่า เกลือถุงนี้เป็นเกลือพิเศษ เรียกว่า ดอกเกลือ คือเกลือทะเลที่เกิดบนผิวน้ำนั่นเอง ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดแห่งเกลือเลยครับ เฮอะ ๆๆๆ

ฉันได้เกลือแล้วก็จะกลับหละครับ แต่ฉันแวะซื้อลิ้นจี่ก่อน ที่นี่เองก็มีเรื่องให้ฉุกคิดอีกเหมือนกันแต่เอาใว้ทีหลังจะเล่าให้ฟังเพราะตอนนี้ฉันต้องรีบไปรับพี่ที่ฉันทิ้งเอาใว้ที่ขนส่งก่อนหละกันนะครับ
  ฉันกลับมาที่ขนส่งอีกครั้ง แต่รถที่มาติดต่อธุระที่นี่ก็ยังไม่ลดลงแต่อย่างใด เนื่องจากมีรถมากจึงทำให้ฉันได้เห็นสิ่งนี้หรือเปล่า???????
ฉันเห็นว่ามีรถวิ่งสวนฉันออกไปแล้วสองคันในขณะที่อีกคันนี้ ก็กำลังเลี้ยวตามมา  แต่ฉันเห็นว่าลูกศรสีเหลืองนั้น ชี้ไปทางเดียวกับฉัน  หรือว่า ขนส่งอนุญาติให้รถสามารถย้อนศรในเส้นที่ทาสีเหลืองได้ 

   แต่ที่น่าสนใจกว่ารถสองคันนี้นที่สวนฉันออกไปก็คือ รถสองคันแรกนั้นถูกเจ้าหน้าที่โบกให้ขับรถสวนฉันออกไป ขณะที่รถคันที่สามนั้นไม่ให้ออกไป ฉันดีใจที่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาติให้รถคันที่สามขับย้อนศรออกไป ฉันดีใจที่รถคันที่สามยอมหันหัวกลับ ฉันดีใจที่เห็นเหตุสิ่งเหล่านี้ได้ที่นี่ เพราะฉันคงรู้ศึกธรรมดาถ้าฉันเห็นภาพนี้ที่อื่น   ฉันรักประเทศไทย
  
  
 

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ฉันรักประเทศไทย

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันได้ไปเรียนภาษาญี่ปุ่นที่สสท. ฉันเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสุวรรณภูมิ-พญาไท หรือที่เรา ๆ เรียกว่า แอร์พอร์ทลิ๊งค์ นั่นเอง ฉันให้พี่ไปส่งที่สถานีตอนเที่ยงตรง ฉันก้าวขึ้นบันไดฉับพลันคิดว่า น่าจะเป็นบันไดเลื่อนนะเพราะว่าจากพื้นขึ้นชั้นสองก็สูงพอสมควร แต่ก็ช่างเหอะ ที่สถานีนี้ ฉันสามารถซื้อตัวได้โดยตรงกับเจ้าหน้าที่ที่คอยให้บริการ
     25 บาท เป็นค่าตั๋วรถไฟของฉัน และสามารถนั่งรถไฟสายนี้ได้ 3 สถานี   ที่ ๆ บริเวณนี้ อากาศดีมาก ลมพัดเย็นสบาย แถมบันไดที่ขั้นไปชาญชลายังเป็นบันไดเลื่อนอีกด้วยแต่เสียดายที่มันหยุดนิ่ง(แล้วจะมีบันไดเลื่อนไว้ทำไม) เมื่อฉันพาตัวเองมาหยุดน่าบันไดเลื่อนพร้อมขยับขาขวาเพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้า บันไดเลื่อนตัวที่ฉันพึ่งจะบ่นไปเมื่อสักครู่ก็ขยับตัวพาฉันขึ้นไปพร้อมกับเสียงตะโกนมาจากแม่บ้านว่า มันเป็นระบบอัตโนมัตินะน้อง เซ็นเซอร์ ๆ

  อาจเป็นเพราะว่าการเดินทางมาสถานีนี้ไม่สะดวก จึงมีผู้โดยสารที่นั่งรอไม่มากนัก ชาญชลาดูอืมครึม ดูเหมือนแสงสว่าง ไม่เพียงพอ และที่สำคัญ ลมไม่พัดโชยเหมือนชั้นขายตั๋ว สังเกตุได้จากการคนที่นั่งรออยู่ก่อนพัดโบกกันใหญ่ ฉันเองพอนั่งไปสักพักก็เริ่มมีเหงื่อออกตามใบหน้า จนอดไม่ได้ที่จะยกแขนมาปาดเหงื่อ  นี่ฉันกับคนเหล่านี้ต้องรอรถไฟ 9 นาที ในที่แบบนี้เหรอ

  ไม่กี่อึดใจต่อมา รถไฟก็พาฉันมาส่งฉันที่สถานีที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าไต้ดิน ฉันต่อรถไฟฟ้าได้ดินไปสถานีสุขุมวิท แล้วเดินต่อไปอีกนิดเดียวก็ถึงแล้วหละ สสท.   วันนี้ฉันก็เรียนอย่างมีความสุข ครูให้หัดเขียนตัวอักษร คาตากานะ  การอ่านตัวเลข หลักพันขึ้นไป

หลังจากเรียนเสร็จแล้ว ฉันก็เลือกใช้บริการเส้นทางเดิมกับที่ฉันเดินทางมา รถไฟฟ้าไต้ดินจากสถานีสุขุมวิทมาส่งฉันที่สถานีเพชรบุรี และสิ่งที่ฉันได้เห็นก็คือ 
 

ฉันดีใจที่โครงการน้ำประปาดื่มได้ มีประโยชน์ ถึงแม้ว่าฉันไม่เคยเห็นคนใหนดื่มน้ำประปาตามโครงการนี้ก็ตาม อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่สะดวกที่จะดื่ม ไม่มั่นใจว่าน้ำในโครงการนี้สะอาดหรือไม่ หรือว่าฉันมีเงินพอที่จะซื้อน้ำดื่มเองได้ หรือแม้แต่เหตุผลใด ๆ ก็ตาม
     ฉันรักประเทศไทย

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เพลงของพ่อ - หลอกยิ่งกว่าผี

ฉันกลัวแล้วเออเธอจ๋า อย่ามาหลอกหลอน 
ร่างงามอรชร ฉันกลัวกว่าผีปีศาจ
ก่อนเธอบอกรัก ทิ้งฉันอกหักให้อยู่อนาถ
ทุกวันฉันหวาด เพราะเธอตัดสวาทจากฉัน
ฉันกลัวแล้วเออ เพราะเธอหลอกยิ่งกว่าผี
ทุกวันทุกวี่ ฉันนี่ยังไม่หายสั่น
เธอยังไม่ตาย แต่ใจเฮั้ยนกว่าผีหลายพัน
ผู้ชายต่างกลัวทั่วกัน เพราะเธอนั้นเที่ยวหลอกลวงเขา
อย่ามาจ๊ะจ๋าถ้อยคำอ่อนหวาน
ได้ยินแล้วสั่น เสียงเธอหวานกว่านางนากหลายเท่า
หากเธอโผลล่มาตรงหน้า ตอนที่ฉันปวดเบา
คงฉี่ราดแน่แล้วสิเรา ปากตะโกนโดนเธอหลอกอีกแล้ว
ฉันกลัวแล้วเอาขอเธอจงไปที่ชอบ
รักเราไม่สมประกอบ จงไปที่ชอบเถิดนะน้องแก้ว
วิมาณรักพัง ความหวังที่เคยเพริดแพร้ว
เธอพรากจากฉันเสียแล้ว ขอให้น้องแก้วจงไปที่ชอบ

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

ขายหนังสือธรรมะ ฌ.มูลนิธิ บ้านอารีย์

28 เมษา แสดงธรรมโดยพระอาจารย์ มิตซูโอะ คเวศโก เจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม บรรดาญาติธรรมคำนวนโดยประมาณ300คน ทำให้สถานที่คับแคบไปทันตา ก่อนการแสดงธรรมก็มีการทำวัตรเย็นก่อน ประมาณ45นาที หลังจากนั้นจึงเป็นฟารแสดงธรรม
สัมหรับวันนี้ ธรรมะที่ท่านแสดงนั้น และแน่นอนครับ ที่ขาดไม่ได้ก็ต้องมีหนังสือมาจำหน่ายด้วย เสื้อยืด และผลิตภัณฑ์ซาโอริ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ได้มาครับ
พระอาจารย์มอบเงินบุญทั้งหมดที่ญาติธรรมถวายทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 13/3/54 จนถึงสิ้นเดือนเมษานี้ให้แก่ชาวญี่ปุ่นผู้ประสบภัยสึนามิ โดยท่านจะเดินทางไปมอบด้วยตัวเองในระหว่างวันที่5ถึง15เดือน5
ก่อนหน้านี้ท่านก็ได้มอบเงินช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้แล้วโดยมอบผ่านครอบครัวข่าว3
สำหรับวันนี้ขอฝากธรรมะที่ท่านแสดงสักหนึ่ง ว่า "การเคารพกฏกติกาก็ถือได้ว่ารักษศีลแล้ว"
Published with Blogger-droid v1.6.8

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

27 มีนา 54

     วันเปิดเรียนวันแรก แต่ไปแรท ที่จตุจักรซะงั้น  เรื่องก็คือพา ชิจังไปช็อปนั่นเอง มัวแต่สนุกเพลินเลยลืมดูเวลา รู้ตัวอีกทีก็บ่ายสามกว่าแล้ว ใหน ๆ ก็ใหน ๆ ช็อปต่อซะเลย

      วันนี้ได้เสื้อมาตัวหนึ่ง โมเดลหอไอเฟลสามมิติ กับรองเท้าสวมคู่หนึ่ง อ่อต้นบัวสองกำห้าสิบด้วย ที่ทำงานฝากซื้อ ส่วนชิจังก็ได้หลายอย่าง โดยเฉพาะตุ้มหู ประมาณห้าคู่ได้มั๊ง ไหนจะสร้อยคอ และ เม็ด ๆ กระดุม ลูกปัด ที่สำคัญ ชิจังไปปิ้งเอากับเฮนนา สักสีดำ  เธอให้ช่างสักชือเธอเป็นภาษาไทย คั่นระหว่างกลางชื่อกับนามสกุลด้วย ดอกบัวซึ่งเป็นความหมายของชื่อของเธอ

     ยังไงก็ไม่ลืมที่จะไปรีจิตะเรชั่น  ลงชื่อว่าอันตัวผมนี้จะไปเรียนแน่นอนครับ แต่ครั้งแรกนี้ขอบายก่อนนะฮ๊าฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
จตุจักร ไคร ๆ ก็ไปกัน

ชิจัง สักสี ชื่อตัวเอง


โมเดลหอไอเฟลสามดี อิอิ เพลิน ๆ