วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

In my life # 3



4/12/2010

ตื่นแต่เช้าอีกวัน นั่งรถเมล์ต่อรถไฟฟ้าไปลงนานา   ไม่ไช่นานา ไรบินา แต่เป็น นานา เอ๊ะยังไง  มาขายซาโอริเช่นเดิม แต่สถานที่เปลี่ยนไปเป็นคิวของโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์
   แต่โทษที ช้าไปครึ่งชั่วโมง ก็มัวแต่เดินหาว่าอยู่ตรงใหนนี่แหละ เด็กนอกเข้ากรุงก็งงเป็นธรรมดา ขออาภัย
  โอ้โห๋ ฿&*(#$%& โรงพยาบาลอะไรวะใหญ่โตดีแท้ รถแต่ละคันที่วิ่งเข้าออกก็ล้วนแต่ราคาแพงทั้งนั้น นั้งแท็กซี่มาก็ยังมีคนคอยเปิดประตูให้อีก แอบคิดในใจหากกุนั่งแท็กซี่มาเขาจะเปิดประตูให้ใหมน๊า ห๊ะ ห๊ะ ห๊ะ     ยังดีนะที่ป้าๆ น้าๆ ใจดี และก็พี่คนสวยมาช่วยจัดร้าน (ปลื้มตรงนี้แหละ)  ครั้งหน้าจะไม่พลาดขอชักภาพสักใบนะ นะ
 
  งานขายซาโอริที่นี่ไม่ค่อยยุ่งยากเท่าใหร่นัก ลูกค้ามีทุกชนชาติ ไทย ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่ง แขก หรือพวกแถบแอฟริกา ก็มาหมด สินค้าที่ขายดีก็น่าจะเป็นสินค้าจำพวก การ์ด ต้นสน หรืออะไรที่เกี่ยวกับ
คริสต์มาส
ไม่ต้องไปใหนไกลเลยครับ ร้านข้างซ้ายมือเป็นตัวอย่าง คุณป้าฝรั้งแกซื้อซ๊ะสองตะกร้าเต็มๆ ประมาณคร่าวๆ ละ 300 ใบ คูณ 60 ไปสิ เท่าใหร่กันหว่า    ร้านข้างขวาก็เหมือนกัน เซตวันคริสต์มาส 6 ชิ้น เซตละ 890 บาท ขายไป 8 เซต เท่าใหร่กันหว่า และยังมีที่แยกขายอีกหละ ร้าน ข้างหลังผมขายของที่ใฃ้ในสปาก็ขายดีไม่แพ้กัน ผมเองก็ไม่มีเวลาได้เดินสำรวจเลยแต่คิดว่าร้านอื่น ๆ ก็คงจะขายดีเหมือนกัน
 เที่ยงกว่าแล้ว ยังไม่ได้กินข้าวเช่นเคย แต่โชคดีที่น้าหนึ่งาถึงแล้วก็เลยให้เฝ้าร้านแทนหน่อย ครับ ตามผมมาไปหาข้าวกินกันครับ
จากห้องโถงบริเวณจัดงานเดินขั้นบันไดเลื่อนไปชั้นสอง ที่นั้นมีศูนย์อาหารแต่ก็ต้องหันหลังกลับแทบไม่ทันทั้งที่ผมยังไม่ได้อ่านชื่อเมนูอาหารด้วยซั้า 60 80 100 บาท เออเห้ยย  ทำไมมันแพงยังงี้  สุดท้ายก็ต้องพึ่งร้านอาหารตามสั่งข้างถนนเช่นเดิมรอดไปอีกมื้อ

    เลิกงานแล้ววันนี้ น้าหนึ่งมีนัดบอร์ดประชุมงานสำคัญ บอกไม่ได้นะครับขอเก็บไว้เป้นความลับ อิอิ  ส่วนสถานนัดบอร์ดก็แถว ๆ แยกพญาไท ถนนเพชรบุรี    แน่นอนครับ ร้านอาหารอีสารเป็นที่เหมาะสมกับพวกเราเป็นอย่างยิ่ง น้าหนึ่งชิงสั่งเนื่อย่างก่อนใคร จากนั้นก็เป็นคิวของ น้ำตก ซกเล็ก ต้มแซบเนื้อ ตบท้ายด้วย สิงโต อีกฝูงหนึ่ง ผมได้รู้อะไรบางอย่างจากการนัดบอร์ดครั้งนี้  แต่ต้องขออภัยที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเรื่องราวลึกลับซับซ้อน ยากที่จะเข้าใจได้ และเชื่อในสิ่งที่ได้ยินมาจากการรับฟังแค่เพียงครั้งเดียว หะหะหะ
   ตีสองแล้งเด้อ นึกถึงเพลงของ พี สะเดิดจังเลย ด้วยทางร้านที่ต้องปิดในเวลานั้นจึงทำให้การนัดบอร์ดของพวกเราต้องยุติลง ฉะนี้แล
    แต่ยังหรอกครับ
   ไปเกะ กันใหม คำสั้น ๆ  แต่เป็นที่รู้กันในบอร์ด พวกเราจึงตกลงไปต่อกันที่เกะไกล้ ๆ กับร้านอาหารอีสานนั่นเอง แถมยังมีชวนสิงโตไปด้วยอีกหกตัว
    กว่าจะกลับถึงห้องพักฝั่นธนก็ปาเข้าไปกว่าตีห้าแล้ว ราตรีนี้ชั่งสั้นนัก

 5/12/2010
 7:30 เพิ่งจะได้นอนแปปเดียว ต้องไปขายของอีกแล้ว รีบเลยแทกซี่จัดไป กลัวไม่ทัน    แวะไปเอาของที่สาทรก่อน
    ก็ไม่แน่ใจว่าเขานัดเวลาเอาไว้กี่โมง พอไปถึงยัง ไม่มีไครมาสักคน เอ๋!!!!  ใช่ที่นี่ใหมหว่า อ๊ะ อ๊ะ นั่นพี่จอยนี่หน่า  เยี่ยมไปเลย 










วันนี้ขายที่ Aree Garden แหล่งชิล ๆ บรรยากาศสบายท่ามกลางสวนสวยๆ น่ารัก ๆ เสียดายที่พื้นที่เล็กไปหน่อย แต่เยี่ยม

วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2553

In my life # 2

ออกจากบ้านแต่หกโมงเช้า ขี่รถเมล์ ต่อรถไฟฟ้า ที่วงเวียนใหญ่ลงที่พร้อมพงษ์ สุขุมวิทซอย 11 สถานที่ตั้งตึกจัสมินซิตี้


มาขายของครับผม เป็นงานขายสินค้า handmade โดยตรงจากกลุ่มผู้ผลิตต่าง ๆ  ผมไปในนามกลุ่มซาโอริซึ่งเป็นสินค้าจากผ้าทอ และยังมีสินค้าอื่นอีกมากมาย ล้วนแต่เป็นสินค้าชั้นดีที่รวบรวมมาอยู่ที่นี่ดำเนินการโดย Thaicraft



อีกวันก็ที่ ISE เพราะว่าโรงเรียนจัดงาน Family fun day โรงเรียนนี้คนญี่ปุ่นเยอะเชียวหละประมาณสัก 70 % น่าจะได้ มาถึงก็ おはよう ผมก็ おはよう กับเขาด้วย ฮ่า ๆ  เด็กนักเรียนน่ารักจริงๆ
เปิดร้านก่อนนะครับ

The FFD Family Fun Day แปลได้ว่า วันสนุก ๆ ของครอบครัว ช่ายป่าวหว่า ฮ่าๆๆ ห้าโมงกว่ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ใส้กิ่วแล้ว    ลูกน้องในกระเพาะ ก็ชะเง้อรอกันใหญ่ว่าเมื่อใหร่เจ้านายใหญ่ของพวกมันจะแบ่งปันด้วยการส่งอาหารเข้าท้องสักที ว่าแล้วก็ขอตัว

        กำ....   กินอะไรดีหละ ร้านข้าวแกงอยู่ใหน ร้านอาหารตามสั่งก็ไม่มี อิ๊บแล้ววววว


    เดินดุ่ยๆ ไปหน้าร้านอาหาร หน้าตาไม่เหมือนไม่เป็นไร เอาฟะ

A: おはよう ございます。
B: おはよう ございます。日本人ですか。
A: (รีบโบกมือเป็นการใหญ่ ) いいえ、タイ人です。
これは、なんですか。
B: まきすしです。(ถ้าจำไม่ผิดนะ แปลว่าข้าวห่อสาหร่าย)
A: まきすし。ummmm...いくらですか。
B: はちじゅう です。
A: นับนิ้วๆ  เท่าใหร่ฟระ
B:แปกุสิบบาทคะ
A:อ่อครับ あらがとう


 น้ำ น้ำ อ๊ะ นั่นไง ซุ้มขายน้ำของโรงเรียนอาจารย์ฝรั่ง เอาแล้วไง ฟอไฟฟุดฟิด อีกแล้ว

A: Hello, May i help you?
B: yes, I need water one bottle.........
B: How much?
A: Two coupons.
B:eee,Two coupons!!! I can't use cash?
A: No No !!, Sorry, Please buy the coupons there .

กำ...จะกินน้ำยังลำบาก แล้ว Two coupon นี่มันเท่าไหร่กันหว่า

A: Hello, Two coupon please. How much?
B: 20 baht

โอ้ยย แพงโครตตตตต(คิดในใจ) เออ ก็มันโรงเรียนนานาชาตินี่หน่า
  กว่าจะได้ข้าว ได้น้ำ มากินทำไมหลายขั้นตอนจังน้า



ไปดูว่าเขามีอะไรกันบ้างดีกว่านะ นะ



เด็กตัวนิดเดียว แต่ใจกล้าจริงๆ

เด็กโตก็ไม่เว้น น่ารักจริงๆเชียว

คุณครูก็อดใจไม่ใหว ขอเล่นด้วยคน

คล้ายสาวน้อยตกน้ำ แต่เป็นน้ำตกใส่ฝรั่ง


ญี่ปุ่นก็ปาโป่งเป็นนะ
 
เคร่องเล่นตั้งกลางแดด กันเลยทีเดียว
บรรยากาศ ร้านอาหาร ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่ง ไทย

 
มีจับฉลากแจกรางวัลด้วย รางวัลใหญ่คือ IPOD หุหุ
ศิลปะ เด็กเกาหลี

In my life # 1

       และแล้วชีวิตผมก็หมุนอีกครั้ง
ใครเล่าจะรู้ล่วงหน้า เมื่อเดินไม่รู้จักระมัดระวังก็ต้องตกท่อระบายน้ำเป็นธรรมดา สมน้ำหน้า แต่จะให้ทำยังไงหละ เมื่อทุกๆ คนก็อยากเอาแต่ตัวเองรอดเท่านั้น ไม่มีใครมีน้ำใจช่วยคนอื่นหรอก  นั่นเป็นเรื่องจริง เมื่อผมได้เจอเข้ากับตัวเองเข้าจึงได้เข้าใจ พวกเรามันก็ลูกจ้างเหมือน ๆ กัน แตกต่างกันเพียงทำหน้าที่ต่่างกันเท่านั้น ต่างคนต่างก็อยากให้ตัวเองรอดเท่านั้น พร่ำเพียงแต่น้อยเพื่อให้ผ่านคลายก็พอ ต่อจากนี้ต่างหากว่าจะทำยังไงดี

วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553

First grade Kanji

一    いち   1
二      に  2
三   さん 3
四   よん 4
五   ご 5
六   ろく 6
七   しち 7
八   はち8
九   く 9
十   じゅう 10
百   ひゃく 100
千   せん  1000
日   にち Sun
月   げつ Moon
火   か Fire
水   すい  Water
木  もく Wood
金  きん Gold
土   ど Soil
上  じょう Up
下  か Down
有   う Right
左  さ Left
大  だい Big
中  ちゅう Middle
小  しょう Small
入  にゅう To enter
出  しゅつ Go out
男  だん  Man
女  じょ   Woman
子  し  Child
人  じん  Human People
口  くち   Mouth
目  め  Eye
手  て  Hand
耳  みみ  Ear
足   あし  Foot

วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2553

RBS # 6 ปลูกต้นไม้ที่บ้านคลองบ่ง

       รถกระบะจำนวนหลายคันที่มาจอดรอเหล่าอาสานั้น บัดนี้ค่อย ๆ เคลื่อนออกจากสวนลุงโชคท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาพอให้ชุ่มฉ่ำกาย อาสาหลายท่านถูกห่อหุ้มด้อยเสื้อกันฝนตัวใหญ่เพียงเพื่อปกป้องตัวเองจากสายฝนพรำ ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสักที ในขณะที่บางท่านนั้นปล่อยให้สายฝนกระทบร่างกาย ผมเองก็เตรียมเสื้อกันฝนติดมาด้วยเหมือนกัน แต่ปล่อยให้นอนนิ่งเฝ้าเต็นท์ดีกว่า ในเมื่อเรามาเพื่อใกล้ชิดกับธรรมชาติแล้วจะปล่อยให้เรื่องแค่นี้มาบันทอนความรักธรรมชาติของเราทำไมกัน ว่าแล้วก็ ลุยโล๊ดดดดดดดดดด



    โชเฟอร์พาพวกเราอาสากลุ่มสีเขียวและกลุ่มสีเหลืองมาที่หมู่บ้านคลองบ่ง โอ๊ย....... นี่พวกเราต้องปลูกต้นไม้บนยอดเขาเลยเหรอนี่ แค่เห็นยอดเขาที่จะต้องปีนขึ้นไปปลูกก็ท้อแล้ว หนำซ้ำพื้นที่ที่รกอีก หรือนี่จะเป็น คำนิยามของการปลูกป่า




   
       
     และแน่นอนครับ คนเราจะทำอะไรทั้งที่ อยู่ๆจะทำเลยไม่ได้ ต้องมีประธานเปิดงานกันสักนิด พื้นที่รอบบริเวณนี้เป็นพื้นที่จัดสรรใหม่โดยภาครัฐ โดยที่จะแบ่งให้เกษตรกรคนละ 2.5 ไร่ เพื่อทำมาหากิน ซึ่งเกษตรการในละแวกนี้จะเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ ๆ พิธีเปิดถูกดำเดินการไปอย่างเรียบง่าย มีการกล่าวต้อนรับจากผู้นำชุมชนถึงที่มาของการปลูกป่าในครั้งนี้ รวมไปถึงการแนะนำวิธีการปลูกป่าตามแบบฉบับของลุงโชค






        ก็อย่างที่บอกนั่นแหละครับ ด้วยสภาพที่ต้องปลูกบนเขาที่สูงชัน จึงไม่ใช่เรื่องงายเลยที่ภารกิจจะสำเร็จลุล่วงด้วยดี สายฝนที่โปรยปรายก่อนหน้านี้ได้หยุดลงแล้วคงเหลือเพียง ยังคงเหลือเพียงสองสิ่งที่ฝนทิ้งไว้ให้นั่นก็คือ ความชุ่มฉ่ำ และก็ ลื่น !!!!! แต่นั่นมามิอาจทำให้ความตั้งใจอันแรงกล้าของเหล่าอาสาลดลงแต่อย่างใด เมือได้สัญญานเริ่มต้น บรรดาสาต่างก็เร่งจับคู่บัดดี้กันกับน้อง ๆ นักเรียนตัวน้อยและชาวบ้านที่มาร่วมงานในครั้งนี้ เห็นใหมหละนอกจากจะได้ปลูกป่าแล้วยังเป็นการเชื่อมสัมพันธ์กันอีกด้วย พร้อมกับหอบหิ้วต้นกล้าคนละต้น สองต้น (แล้วจะครบ 1800 ไหมเนี้ย) บ้างก็ขอเดินตัวเปล่าดีกว่า (เพราะแค่จะพาร่างกายไปให้ถึงจุดหมายก็ลำบากแล้ว) ยังดีที่น้อง ๆ และชาวบ้าน ได้นำต้นกล้าไปลงหลุมเตรียมเอาไว้ให้แล้วบางส่วนนั่นเอง



      เมื่อต้นกล้าต้นสุดท้ายถูกกลบด้วยดิน นั่นหมายถึงภารกิจของพวกเราในวันนี้สิ้นสุดลงแล้วอย่างภาคภูมิ บางท่านอาจปลูกได้มากถึง 50 ต้น บางท่าน อากปลูกได้เพียง 5 ต้น ส่วนบางท่าน ไม่ได้ปลูกเลย หรือยิ่งกว่านั้น นอกจากจะไม่ได้ปลูกแล้ว ยังไปเหยียบต้นกล้าที่ปลูกอีกด้วย แต่นั่นไม่ไช่สาระสำคัญเลย การได้เข้าร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้ที่ดำเนินไปท่ามกลางความสุข ความสมัครสมาน สามัคคี ความเอื้อเฟื้อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และรอยยิ้มที่เกิดขึ้นต่างหากหละครับที่เป็นสาระที่สัมคัญที่สุด (ผมว่านะ) ต่อจากนี้ไปก็คงเป็นชาวบ้านที่อยู่ละแวกนี้สินะครับที่จะต้องดูแลรักษาให้ต้นกล้าที่ได้ปลูกกันในวันนี้ให้เจริญเติบโตขึ้นมาเป็นป่าใหญ่ที่สมบูรณ์ต่อไป



                       “การปลูกต้นไม้ทำได้ง่ายไม่ยาก แต่การดูแลรักษานั้นทำได้ยากไม่ง่าย “

RBS # 5 ลุงโชค

เหล่าอาสาพร้อมหน้ากันอีกครั้งในศาลา 108 ตัวแทนโครงการกล่าวเปิดงาน และที่สำคัญ การปรากฏกายชองชายผู้หนึ่งที่ทำให้เหล่าอาสาต่างตกอยู่ในภวังค์ ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ ท่าทางทะมัดทะแมง ไว้เครา ย้อมผมสีขาวปกปิดร่างการด้วยกางเกงสามส่วนกับเสื้อม่อฮ่อม และมีผ้าขาวม้าพาดไหล่ขวาเอาไว้ ดูโก้ทีเดียว น้ำเสียงอ่อนนุ่มของชายผู้นี้ที่เปล่งออกมาแต่ละคำนั้นช่างไพเราะเสียเหลือเกิน ชวนฟังยิ่งนัก ไหนจะบุคลิกภาพที่ชวนให้น่าหลงใหลเป็นที่สุด นี่ผมคงตกหลุมรักเข้าให้แล้ว


การกล่าวต้อนรับพวกเราเหล่าอาสาผู้มาเยือน ของชายผู้นี้เป็นไปอย่างเรียบง่าย เรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้ยินล้วนแต่ทำให้บรรดาเหล่าอาสาทุกคนอมยิ้ม อึ้ง ทึ่ง ในสิ่งที่ชายผู้นี้บรรยายออกมา ด้วยเวลาที่จำกัดทำให้การสร้างอานาจักรแห่งนี้ถูกเปิดเผยอย่างคร่าว ๆ เท่านั้น แต่ก็ทำให้ทราบได้ว่า การสร้างอานาจักรแห่งนี่ไม่ไม่ได้สร้างกันภายในพริบตา ไม่ได้เกิดจากโชคชะตา แต่เป็นการใช้ระยะเวลาที่ยาวนานมาก ความล้มเหลว ความยากลำบาก การดูถูกเหยียดหยามจากผู้ไม่รู้ การลองผิดลองถูก จนกระทั้งทุกวันนี้ผลจากความพยายาม ความคิดดีทำดีได้เกิดผลสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ให้ผู้คนได้นำไปเป็นแบบอย่าง เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ เป็นแหล่งเรียนรู้ รวมไปถึงฐานปฏิบัติการพิทักษ์เขาแผงม้าอีกด้วย

“ลุงโชคดี ปรโลกานนท์”

                                             ถ่ายคู่กับลุงโชค แอบเขิลลลล

วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

RBS # 4 กิ๊บเซต

เช้าแล้ว ผมรีบตื่นมาสูดอากาศยามเช้า เช่นเดียวกับเหล่าอาสาอีกหลาย ๆ คนที่คิดตรงกัน อากาศยามเช้าที่นี่สดชื้นยิ่งนัก นกกระจิบตัวน้อยที่ตื่นมารับอรุณต่างส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาตามสายลม ประตังว่ากำลังปลุกเหล่าอาสาที่ยังคงหลับใหลให้ตื่นขึ้นมา ไม่นานนักผมต้องตัดใจจากบรรยากาศเหล่านี้เพื่อไปทำภารกิจส่วนตัวกันสักนิด (ข้าศึกบุก เง้อ)


เจ้าเพื่อนใหม่ยังคงหลับใหลอยู่ภายในเต็นท์ที่อบอุ่น ในขณะที่ผมเองกำลังตัดสินใจว่าจะปลุกเพื่อนใหม่นั่นเอง

อาสาครับ ตื่นได้แล้วนะครับ ใครที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วเชิญไปรับแจกกิ๊บเซตและทานกาแฟ ที่ศาลา 108 ก่อนนะครับ นะครับ (เฮ้อ โล่ง นึกว่าจะต้องปลุกเองซะแล้ว)

ผมเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อรู้ว่าจะได้ใส่เสื่อสีม่วงในอีกไม่กี่อึดใจ ผมยื่นมือที่สั่นเท่าเล็กน้อย(พยายามเกร็งไว้ อายเขา) ไปรับกิ๊บเซตจากทีมงานพร้อมกับเอ่ยปากขอบคุณ ทันใดนั้นเองทีมงานท่านหนึ่งก็พูดขึ้นดังๆว่า (จำได้นะว่าเป็นผู้หญิง)

“แล้วน้องจะใส่หมวกได้ไหมเนี้ยย “

เท่านั้นแหละ ทำนบที่อืมครืมก็ถูกกลบเสียงฮา ดังลั่นของเพื่อนๆอาสาที่ยืนอยู่รายรอบ (บ้างก็ชื่นชมกับกิ๊บเซต บ้างก็ทานเครื่องดื่ม เช่น ชา กาแฟ ) ในเวลาเดียวกับที่ผมยังตกอยู่ใน ภวังค์ ของความอาย แล้วรีบปลีกตัวออกไปจากตรงนั้นทันทีเมื่อตั้งสติได้แล้ว ( อายสุดๆ)

ชุดกิ๊บเซต

1. กระเป๋าเป้สะพาย

2. เสื้อสีม่วง

3. ปลอกแขน

4. หมวกแก๊ป

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

RBS # 3 จับคู่

ถึงแล้วสินะ สวนลุงโชค ที่ ที่บรรดาอาสาจะใช้เป็นฐานปฏิบัติภารกิจ สวนลุงโชคในเวลานี้ช่างมืดยิ่งนัก มีเพียงแสงจากรถบัสทั้งสองคันที่ยังคงส่องสว่าง ร่วมกับตะเกียงแก็สไทยประดิษฐ์ เท่านั้น บรรดาทีมงานต่างพากันมารอต้อนรับสมาชิกอาสากันอย่างพร้อมหน้า พร้อมๆกับเสียงยินดีต้อรับสู่สวนลุงโชคดังขึ้นระงม เลยทีเดียว เหล่าอาสาต่างถูกจัดแบ่งไปตามสถานที่ต่าง ๆ กัน เพื่อเข้าสู่ที่พัก ในระหว่างทางเดินไปนั้น ตะเกียงแก็สไทยประดิษฐ์ที่เรียงตัวกันเป็นแถว แนวเดียวกับทางเดินนั้น ทำหน้าที่ส่องสว่างอย่างสุดกำลัง ช่างเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก กลุ่มของพวกเรา อาสาชาย 24 คน ถูกพามาหยุดอยู่ที่หน้าบริเวณที่กางเต็นท์แห่งหนึ่ง ผู้นำทางบอกให้อาสาจับคู่กันตามเองใจชอบ เอาหละสิ จะคู่กะไครดี


คู่ที่หนึ่งผ่านไป สองผ่านไป สาม สี่ ห้า ผ่านไป ถึงผมแล้วนี่ เอ๋....ไครดีหว้า ทันใดนั้นเอง

ยง คู่กับผมนะ

อืม ๆ ก็ได้ครับ จัดแจงเข้าที่เต็นท์เป็นที่เรียบร้อย พร้อม ๆ กับการทำความรู้จักเพื่อนใหม่

หลังจาก ล้างหน้า แปรงฟัน ( ไม่อาบน้ำอะ) แล้ว ก็ถึงเวลาเอนกายนอนซะที เพราะตอนนี้ก็ กว่า สองนาฬิกาของวันใหม่เข้าไปแล้ว อากาศเย็นสบายดีจัง ขณะที่กำลังเพลินกับกอไผ่ที่เสียดสีกันส่งเสียง เอี๊ยดดดดด อ๊าดดดดด ตามจังหวะของแรงลมที่ปะทะ เจ้าเพื่อนใหม่ก็พูดขึ้นมาว่า

พี่.... ผมนอนกรนนะ!!!!!!!

!!!!!! ไม่เป็นไร ตามธรรมชาติ เลยน้อง พี่โอเค

ไวกว่าคำพูด (บร๊ะแล้ววววววววว แล้วมาเลือกฉันทำไมเนี้ยยยยยยยย)

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

RBS # 2 1-2 345 ออกเดินทาง

  RBS # 2  1 2 345


   หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ลำดับการปรบมือเพื่อเริ่มสัญญาณ ว่า งานอาสา ได้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น แล้วตอนนี้ เครื่องยนต์คำรามส่งเสียงดังก้อง รีดพละกำลังที่มีอยู่ส่งไปที่เพลาเพี่อขับเคลื่อนให้ตัวมันเองให้วิ่งไป พร้อมๆ กับเหล่าอาสากว่า 80 ชีวิต ที่ตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ (หลังจากที่เป็นผู้มีชัยในสุ่มเดาเพื่อคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ เฮอๆ)


ในระหว่างทางที่รถบัสคันโตกำลังทำงานของมันอย่างไม่มีการบ่นว่าเหนื่อยนั้น ภายในตัวรถตอนนี้มืดสนิท คงมีเพียงแสงไฟสลัวจากภายนอกตัวรถเล็กน้อยเท้านั้นที่ยังสามารถสาดแสงแยงตาบรรดาเหล่าอาสาให้พอระคายเคืองกันบ้าง ด้วยเหตุนนี้นี่เองที่ทำให้ไม่มีท่านใดตั้งวงเสวนาถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นข้างหน้าเมื่อไปถึงจุดหมายเลย โดยเฉพาะเหล่าอาสาหน้าใหม่ที่ยังคงอยู่ในตั้งค่าตัวเองเป็นโหมดส่วนตัวเสียเป็นส่วนใหญ่ ยังคงมีเพียงเหล่าบรรดาทีมงานของ RBS และสมาชิกอาสาหน้าเก่าที่ได้เจอกันและก็ธรรมดาที่จะต้องมีเรื่องพูดคุยพอให้หายคิดถึง

ส่วนตัวผมเองนั้นไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้เมื่อนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น ผมนั่งโยกหัวไปพร้อม ๆ กับ การโยกตัวของรถที่เอียงซ้ายที ขวาที ครั้งแล้วครั้งเล่า รวมไปถึงแรงสั่นสะเทือนจากความไม่ราบเรียบของถนนที่กระทบล้อรถส่งผ่านมาถึงที่นั่งนั้นเอง ฉุดให้คิดได้ว่า จวนถึงที่หมายแล้วเป็นแน่นอน และ นั่นไงหละ เมื่อเสียงไฟภายในรถสว่างขึ้น พร้อมๆ กับความเร็วที่ค่อยๆ ลดลงเรื่อย ๆ จนกระทั้งจอดสนิทนั้นเอง


ถึงแล้วหละ สวนลุงโชค

RBS #1 ได้ไปกับเขาด้วย


RBS 1


ในขณะที่ผมกำลังดูโคนันถึงตอนไคลแมกนั้น เจ้าหนอเคี๋ยเพื่อนยากก็ร้องขึ้นด้วยความกังวาน ผมรีบคว้าขึ้นมาแนบหูทันที พร้อมๆ กับเสียงเพราะๆ ออกมาตามสัญญาณ


คุณ ยง ใช่ไหมครับ

ครับ ผม ยง ครับ

ยินดีด้วยนะครับ คุณได้เข้าร่วมโครงการกับ RBS ไปเขาแผงม้า

ห๊ะ ห๊ะ ห๊ะ อะไรนะครับ ผมออกอาการหูตึงตาลายขึ้นมาทันใด

ใช่แล้วครับ คุณยง ฟังไม่ผิดหรอกครับ ตกลงคอนเฟิร์มนะครับ เจอกันวันศุกร์ 18.30 นะครับ ที่ลานจอดรถโรงเบียร์ฮอร์นแลนด์

ครับ ครับ ครับ

“จิตอาสาเกิดขึ้นแล้ว แทบจะรอเวลาไม่ไหว อยากให้ถึงเวลาเดินทางเร็วๆจังเลย”

วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Japanese#1 การเขียนอักษรคานะ

ง่ายสุดๆเลยครับ ลากตัวอักษรไป ๆ มา ๆ  จริง ๆ แล้วมีทริ๊กอยู่ว่า ซ้ายไปขวา-บนลงล่าง
ตามรูปเลยนะครับ


และที่สำคัญ เส้นอักษรที่มาประกอบรวมกันนั้นมีอยู่สามเส้นนะ คือ.......   เส้นหยุด    เส้นปล่อย และเส้นตะขอ ดูที่รูปนะครับเพื่อความเข้าใจยิงขึ้น   ตรงทีวงกลมเอาใว้นั่นแหละครับ  


นอกจากนั้น ผมยังมีแบบฝึกเขียนตัวอีฃักษรทั้งฮิรากานะ และ คาตากานะ อีกด้วย แต่เนื่องจากไฟล์ข้อมูลใหญ่มาก ๆ เลย หากไครอยากใด้ฝากข้อความได้นะครับ  ผมจะส่งไปให้ จริง ๆ แล้วผมก็โหลดมาจากเวปครับ   ตามนี้เลยครับ แบบเขียน ฮิรากานะ     และ แบบเขียนคาตากานะ  ขอบคุณเว็ป http://www.kids.nifty.com/  ด้วยนะครับ  ありがとう ございます。

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Japanese#1 อักษรภาษาญี่ปุ่น และการออกเสียง ตอนที่ 3

สำหรับชุดสุดท้ายของอักษรญี่ปุ่นนั่นก็คือ....การจับคู่กันเองระหว่างพยัญชนะกับพยัญชนะกึ่งสระ ซึ่งก็คือ อักษรในวรรค y นั่นเอง เมื่อไปจับคู่กันแล้วก็ยังมีออกเสียงแค่ 1 จังหวะเหมือนเดิม ตามตารางด้านล่างเลยครับ

วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Japanese#1 อักษรภาษาญี่ปุ่น และการออกเสียง ตอนที่ 2

อักษรภาษาญี่ปุ่น และการออกเสียง ตอนที่ 2 คืออักษรคะนะที่เหลือครับ เป็นอักษรเสียงขุ่นและกึ่งขุ่น โดยการเติมเครื่องหมายที่เรียกว่า daku-ten (") และ handaku-ten(°) ลงไปทีมุมบนขวาของตัวอักษรปกตินั้นเอง แต่ก็จะมีแค่เพียงอักษรบางวรรคเท่านั้น ก็คืออักษรในวรรค k,s,t,h จะออกเสียงเป็น g,z,d,b เมื่อเติม daku-ten (") และวรรค h จะเปลี่ยนเป็น p เมื่อเติม handaku-ten(°) ตามตารางด้านล่างครับ















วรรค g



วรรคz


วรรคd


วรรคb



วรรคp



แล้วมาต่อตอนที่3 นะครับ ยังกะหนังฟอร์มยักษ์ มีไตรภาค

Japanese#1 อักษรภาษาญี่ปุ่น และการออกเสียง ตอนที่1

ตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นมีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน นั่นก็คือ ฮิรางานะ คาตากานะ และคันจิ ตัวอักษรฮิรางานะ คาตากานะจะมี 1 เสียงต่อหนึ่งตัวอักษร ทำหน้าที่แสดงคำอ่าน ส่วนตัวอักษรคันจินั้นนอกจากจะใช้แสดงคำแลัว ยังแสดงความหมายของคำอีกด้วย
ในภาษาญี่ปุ่นนั้นจะใช้ตัวอักษรทั้งสามประเภทเขียนร่วมกัน โดยที่ ฮิรากานะ จะทำหน้าที่เป็นคำช่วยหางคำกริยาและคำคุณศัพท์ ตัวอักษรคาตากานะจะใช้เขียนคำที่มาจากต่างประเทศ ส่วนตัวอักษรคันจิที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวันนั้นมีทั้งหมด 1945 ตัว อันนี้ต้องจำเอานะครับ
นอกจากนี้ ยังมีตัวอักษรโรมันที่ยังคอยทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้แก่ชาวต่างชาติอีกด้วย ดังปรากฏให้เห็นตามป้ายกำกับสถานี ป้ายโฆษณาต่าง ๆ อีกด้วย
เห็นไหมหละครับ เอาใจสุดๆ

1.ตัวอักษร ฮิรางานะและคาตากานะ เรียกรวม ๆ ว่า อักษรคานะ ครับ เขียนและออกเสียงตามรูปนี้เลยครับ




ในภาษาญี่ปุ่นนั้น จะมีสระอยู่ 5 เสียง คือ a i u e o หรือ あ い う え お นั่นเองครับ สระทั้ง 5 ตัวนั้นสามารถใช้งานเพียงลำพังได้ และมีเสียงเป็นของตัวเอง 1 จังหวะ หรือจะประกอบรวมกับพยัญชนะ 1 ตัว หรือ ประกอบกับ กับพยัญชนะ 1 ตัว บวกกับพยัญชนะกึ่งสระ "y" ก็ยังมีเสียงแค่ 1 จังหวะเหมือนเดิม ส่วน ตัว ん(n) นั้นก็มีเสียง 1 จังหวะเช่นกันครับ
มีวีดีโอให้ชมกันครับ

วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Japanene#1 Introductions

ในภาษาญี่ปุ่นมีชนิดของคำ
ดังนี้ คำกริยา คำคุณศัพท์ คำนาม กริยาวิเศษณ์ คำเชื่อม และคำช่วย
โดยที่จะวางชนิดของคำที่เป็นภาคแสดงไว้หลังประโยคและคำขยายจะอยู่หน้าคำที่จะขยาย

การประกอบคำให้เป็นรูปร่าง
ประโยคนั้นจะประกอบไปด้วยคำสามชนิด นั่นก็คือ..... คำนาม คำกริยา และคำคุณศัพท์
โดยที่การผันคำจะเป็น (1) บอกเล่า . ปฏิเสธ (2) กาล

คำช่วยจะเสดงให้ทราบถึง
เจตนาของผู้พูด ซึ่งก็คือ การเชื่อมประโยคนั่นเอง

วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

แคนนอน 1000D

ตอนที่ผมตัดสินใจซื้อกล้อง ด้วยสถานการณ์วิกฤตแฮมเบอเกอร์ในขนะนั้นน้องผู้หญิ่งคนหนึ่งเธอบอกกับผมว่า อย่าซื้อเลย เด๋วเกิดเหตุอะไรขึ้นจะลำบาก อาจจะได้ไม่คุ้มเสีย ตอนนี้ยิ่งชัดเจนไปกันใหญ่ ยิ่งได้ดูภาพเก่า ๆ ที่ผ่านมา ยิ่งทำให้ผมรู้ศึกว่า ผมตัดสินใจได้ถูกต้องแล้วที่จับจองเป็นเจ้าของมัน รูปถ่ายมิใด้ทำหน้าที่เพียงบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนั้น แต่ยังรวมไปถึงอารมณ์ความรู้ศึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นอีกด้วย สำหรับบางคนแล้ว สิ่งเหล่านี้คงไม่มีความหมายสักเพียงใดนัก แต่สำหรับบางคนไคร ๆ ที่ไม่อยากปล่อยเรื่องราวแห่งความทรงจำให้ผ่านไปนั้น สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นหนึ่งในคำตอบ แล้วคุณหละ จะปล่อยให้เรื่องราวเหล่านั้นผ่านไปใหม